ตลาดนัดสีเขียว ตลาดรักษ์โลกของชาวสุรินทร์
ตลาดนัดสีเขียว ตลาดรักษ์โลกของชาวสุรินทร์
ฉันเป็นคนชอบเดินตลาดสด ถ้ามีโอกาสมักจะไม่พลาดเพราะชอบความมีชีวิตชีวาของตลาดสดยามเช้า และถ้าอยากรู้ว่าชาวบ้านเขากินอยู่กันยังไงก็ดูจากสินค้าที่นำมาวางขายและชาวบ้านที่มาจับจ่ายในตลาดนี่แหละค่ะ
มาถึงสุรินทร์ก็มีคนกระซิบว่าต้องไปเดิน ‘ตลาดนัดสีเขียว’ หน้า อบจ. สุรินทร์ ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 2551 จนเป็นที่รู้กันว่าทุกเช้าวันเสาร์ เกษตรกรและชาวบ้านจะนำผลผลิตจากแปลงนาและพืชผลทางเกษตรอินทรีย์มาวางขายตั้งแต่ 6 โมงเช้าถึงบ่าย 2 โมง (ตลาดสีเขียวต้องเดินเข้าไปด้านในค่ะ ส่วนด้านหน้าจะเป็นตลาดที่ชาวเมืองนำสินค้าทั่วไปขายกัน)
บรรยากาศของ ‘ตลาดนัดสีเขียว’ คล้ายตลาดที่เราเคยตามแม่ไปเมื่อตอนเด็กๆ พ่อค้าแม่ค้าจะใช้ภาชนะที่ทำจากธรรมชาติ ใบตอง กระดาษ และใช้เตาถ่านในการประกอบอาหาร สินค้าที่นำมาวางขายส่วนใหญ่ก็จะเป็นพืชผักปลอดสารพิษที่ชาวบ้านนำมาขายเอง รวมถึงข้าวไรซ์เบอร์รี่และข้าวหอมมะลิอินทรีย์ขึ้นชื่อของจังหวัดสุรินทร์
เดินตลาดสดจะสนุกตรงที่ได้เห็นพืชผักผลไม้ท้องถิ่นและของป่าตามฤดูกาล เช่น บักผีผ่วน (ลูกสีแดงผิวเรียบ) บักคายเข้า (ผลไม้ป่าลูกสีแดงคล้ายเงาะ) อาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อคืออังแกบบอบหรือกบยัดไส้ย่าง ไม้ละ 50 บาท และยังมีผักพื้นบ้านอย่างลูกขจรคล้ายแตงกวา มะแซว ดีปลี ใบหูเสือ สมุนไพรก็มีให้เลือกมากมาย เช่น ถั่วดาวอินคา ซึ่งมีเมล็ดและเปลือกกินเป็นยา ส่วนใบต้มเป็นชาดื่มเพื่อสุขภาพ รวมถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรแปรรูป เช่น น้ำมันสมุนไพร ขี้ผึ้ง น้ำยาซักผ้า สบู่ แชมพู อาหารสดพื้นบ้าน ปลาแม่น้ำ กบ แมงดา ไข่มดแดง รวมไปถึงขนมพื้นบ้าน ขนมฝักบัวหรือดอกบัว แป้งทอดสีสันน่ากินจากสีธรรมชาติ ขนมกันตรึม (ขนมเขมร) แป้งทอดคล้ายโดนัท เป็นต้น
ทุกวันเสาร์ต้นเดือนยังมีตลาดผ้าไหมและเครื่องเงินมาจำหน่ายด้วย ชาวบ้านนำผ้าไหมที่ทอเองมาวางขายในราคาไม่แพง งานนี้ใครตาดีก็จะได้ของดีราคาถูกกลับไป เดินเมื่อยก็นั่งพักกินน้ำกินขนม ชมการแสดงพื้นบ้านและดนตรีขับกล่อมผู้มาซื้อสินค้า สนุกเพลิดเพลินและยังได้สินค้าดีราคาถูกแถมยังปลอดสารเคมีกลับบ้านอีกด้วย มาสุรินทร์เมืองข้าวอย่าลืมแวะชมตลาดนัดสีเขียวอุดหนุนเกษตรกรและชาวบ้านกันเยอะๆ นะคะ
การเดินทางค้นหาความมหัศจรรย์ของเมืองต้องห้าม...พลาด Plus ‘บุรีรัมย์-สุรินทร์’ จบลงด้วยรอยยิ้มและความสุข พร้อมเก็บความประทับใจของแดนดินถิ่นอีสานใต้ไว้ในกล่องความทรงจำพร้อมกับบอกตัวเองว่าจะต้องกลับมาเยือนอีกครั้งอย่างแน่นอน