ทำความรู้จักเมืองนารัง สู่ ประจวบคีรีขันธ์

 

 

                

ทำความรู้จักเมืองนารัง สู่ ประจวบคีรีขันธ์

เมืองนารัง ชื่อนี้ อาจไม่คุ้นหู แต่ถ้าเรียกประจวบคีรีขันธ์ คงไม่มีท่านใดที่จะไม่รู้จักอย่างแน่นอนอีกหนึ่งจังหวัดตั้งอยู่ภาคกลางตอนล่าง มีพื้นที่ติดทะเลและภูเขา เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นทางทะเล หรือจะเป็นพื้นทีท่องเทียวเชิงอนุรักษ์ที่ สำคัญเป็นหนึ่ง ในจังหวัดที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทร์รมหาภูมิพลอดุลเดช รัชกาลที่ ๙ ทรงโปรดปรานในการมาประทับ เพื่อ ทรงงานในโครงการต่าง ๆ ตลอดจนเป็นที่ประทับแปรพระราชฐานในช่วงฤดูร้อน


  

“วนอุทยานปราณบุรี”

ห้อมล้อมธรรมชาติ ท่องเที่ยวไปกับป่าชายเลน

วนอุทยานปรานบุรีเดิมเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยกำหนดพื้นที่เป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองเก่า คลองคอย มีพื้นที่ประมาณ 1,984 ไร่ ประกอบด้วย ป่าชายเลน และมีแม่น้ำปราณบุรีไหลผ่านตอนกลางของพื้นที่ป่า มีทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่สวยงาม เหมาะสำหรับการเที่ยวชม และศึกษาธรรมชาติเกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลน เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนเป็นสะพานไม้ยกระดับ ทอดยาวไปโดยรอบ ทางเดินสะดวกสบาย พร้อมสัมผัสพันธุ์ไม้ป่าชายเลน อาทิ แสม โปรงขาว โปรงแดง ตะบูนดำ

ปัจจุบันกรมป่าไม้ได้ประกาศให้เป็นวนอุทยานมีพื้นที่ 700 ไร่ อยู่ภายใต้ความดูแลของสำนักงานป่าไม้เขตเพชรบุรี (สำนักบริหารจัดการในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 4 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช) วนอุทยานปราณบุรียังมีหาดทรายขาวสะอาดร่มรื่นด้วยแนวสนทอดยาว 1 กิโลเมตร อยู่ทางด้านตะวันออกของอุทยานฯ สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของทะเล เกาะสิงห์โต เขาตะเกียบ และเขาเต่า

ส่วนจุดที่น่าสนใจในการท่องเที่ยว อาทิ เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ปล่อยปู กิจกรรมล่องเรือ เป็นสะพานไม้ยกระดับ สามารถเที่ยวชมและศึกษาเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ระบบนิเวศป่าชายเลนได้อย่างใกล้ชิด บริเวณทางเดินติดตั้งป้ายสื่อความหมายตลอดเส้นทางที่มีความยาว 1,000 เมตร มีท่าเรือขนาดเล็กเชื่อมกับสะพานทางเดิน และเป็นจุดที่พักเรือ สามารถทำกิจกรรมล่องเรือ สัมผัสกับความงามตามธรรมชาติ ควบคู่กับการศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลนทางน้ำ ตลอดจนมีพันธุ์ไม้นานาชนิดและรวมทั้งชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมคลอง ราคาประมาณ 400 บาท (8 คน) โดยใช้เวลาประมาณ 40 นาที

ภายหลังจากการล่องเรือ หากเดินต่อไปอีกหน่อยจะพบกับ หอคอยขนาด 3 ชั้น ถือว่าเป็นจุดที่น่าสนใจอีกหนึ่งจุด โดยเมื่อเราขึ้นไปบนนั้นสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์โดยรอบของป่าได้จากมุมสูง สามารถเห็นท้องทุ่งของป่าชายเลนที่เขียวขจี อากาศอันแสนสดบริสุทธิ์

หากสนใจไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เป็นธรรมชาติๆ กับวนอุทยานปรานบุรี ยังมีบริการบ้านพัก หรือแม้กระทั่งร้านสวัสดิการ สามารถกางเต็นท์พักแรมได้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วนอุทยานปราณบุรี หมู่ 1 ต.ปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 77220โทร.032-621608 ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16 .00 น.

 

“วัดถ้ำเขาเต่า”

 

ซึมซับธรรมมะ กับธรรมชาติที่ติดทะเล

 

            วัดถ้ำเขาเต่า เป็นวัดอยู่บนเชิงเขาติดทะเล อ.หัวหิน ทิวทัศน์สวยงาม มีถาวรวัตถุ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้กราบไหว้ขอพรมากมาย ถ้าใครหิวก็มีโรงทานไว้บริการให้กินกันฟรี แม้จะเป็นภูเขาริมหาดลูกเล็กๆ แต่เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาแล้ว สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของท้องทะเล ชายหาดเขาเต่า สวนสนประดิพัทธ์ และเกาะเกาะสิงโต เรียกได้ว่าสวยงามจนหายเหนื่อยเลยทีเดียว  

 

บริเวณชายหาดเขาเต่า มีบ้านเรือน โรงแรม รีสอร์ท ร้านค้า และสามารถพบเรือประมงเรียงรายอยู่ทั่วไป บริเวณคลองซึ่งติดต่อไปถึง โครงการตามพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำเขาเต่า โครงการตามพระราชดำริ อ่างเก็บน้ำเขาเต่า ตำบลหนองแก อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ความจุ 600,000 ลูกบาศก์เมตร ก่อสร้างในปี พ.ศ.2506 ดำเนินการสร้างโดยกรมชลประทาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสร็จเยือนประชาชนในเขตหัวหิน ทรงเห็นความลำบากของประชาชนในหมู่บ้านเขาเต่าซึ่งมีประชากรอยู่กันอย่างหนาแน่นแต่ขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค ช่วงน้ำทะเลขึ้นสามารถไหลเข้าท่วมพื้นที่เกษตรทุ่งตะกาด (ตะกาด เป็นภาษาท้องถิ่น หมายถึง ที่มีน้ำทะเลท่วมถึง เมื่อน้ำลงพื้นที่ตรงนั้นก็กลายเป็นเลน) ทำให้ผลผลิตเสียหาย

 

 

การเดินเที่ยวชมวัดถ้ำเขาเต่านั้นเป็นการเดินเป็นวงกลมเดินง่ายๆเลยละ ตลอดเส้นทางจะมีมีป้ายบอกทางว่าเรากำลังจะเดินไปส่วนไหนของวัด เอาละพอลงมาจากพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้วเดินลงมาอีกนิดจะเห็นรูปปั้นเราก็ไม่ทราบเช่นกันว่า เป็นรูปปั้นเกี่ยวกับอะไร เนื่องจากว่าไม่มีป้ายบอกเลย แต่ดูแล้วขลังดีนะ พอเดินผ่านตรงนี้เราก็จะกลับไปยังส่วนของทางเข้าวัด ไม่ยากเลยในการเดินเที่ยวภายในวัด ทั้งได้ทำบุญแถมยังสนุกอีกด้วย มีอะไรให้เราเพลินตามากมาย

 

 

วัดถ้ำเขาเต่า ใครที่มาเที่ยวหัวหินต้องไม่พลาดที่จะเดินทางมาเที่ยวสถานที่แห่งนี้ ท่านใดมีรถยนต์ส่วนตัวสามารถที่จะขับรถโดยใช้เส้นทางหลัก ถนนเพชรเกษม ตรงไปเรื่อยๆ ไปทางปรานบุรี เลยสวนสนประดิพัทธ์ ไปอีก3 กิโลเมตรจะเจอป้ายใหญ่ๆ บอกวัดถ้ำเขาเต่าให้เลี้ยวซ้าย แล้วขับไปเรื่อยๆ จะเจอกับอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ เมื่อเจออ่างเก็บน้ำแล้วขับตรงไปสุดทางก็จะเจอทางลงไปวัดเล็กๆ จะเจอกับที่จอดรถของวัดนั่นเอง อีกหนึ่งรูปแบบของผู้ที่ชื่นชอบไหว้พระขอพร และได้บรรยากาศที่ติดทะเลมีภูเขาอีกด้วย

 

 

 

"คเณชา แกลเลอรี หัวหิน"

แหล่งรวบรวมศิลปะภาพวาดมหาเทพ

            บางทีการจะหาสถานที่เกี่ยวกับแสดงผลงานศิลปะต่างๆ ที่เป็นแบบเฉพาะนั้นค่อนข้างหายาก ยิ่งเป็นงานศิลปะภาพวาดเกี่ยวกับพระพิฆเนศ โดยเฉพาะถือว่าหาชมได้ค่อนข้างยาก แต่สำหรับ "คเณชา แกลเลอรี หัวหิน" สถานที่แสดงผลงานศิลปะ ภาพวาดจากอุดมคติแห่ง "องค์พระพิฆเนศ" และประติมากรรมแห่งศรัทธา "องค์คเณชา มรรคา" มหาเทพผู้ปัดเป่าอุปสรรค นำทางสู่ความสำเร็จ  

โดยมี คุณผ่องสิริ วงศ์เจริญชัยชนะ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังและก่อตั้งมาจากแรงศรัทธาต่อองค์พระพิฆเนศ จึงเริ่มสะสมภาพวาดมาเรื่อยๆ และมีความคิดที่จะเผยแผ่บารมีขององค์พระพิฆเนศให้ได้ชื่นชมในวงกว้าง ตลอดจนเพื่อเป็นมรดกทางศิลปะสืบต่อไป จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นก่อตั้ง คเณชา แกลเลอรี หัวหิน โดยผลงานทั้งหมดในแกลอรีได้ คุณราชัน แสงทอง ศิลปินชาวอุดรธานี ที่ทุ่มเทชีวิตทำงานศิลปะด้วย ความเคารพรักต่อองค์พระพิฆเนศทุกลมหายใจ

  

สำหรับ คเณชา แกลเลอรี หัวหิน รูปแบบอาคาร 5 ชั้น ตกแต่งสไตล์ผสมผสาน เรียบง่ายสบายตา เมื่อเข้าไปเยี่ยมชมสามารถกราบขอพร องค์คเณชา มรรคา (องค์จำลอง) บริเวณชั้น 1 หรือจะขึ้นไปยังชั้นที่ 5 โดยชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ประดิษฐานประติมากรรมแห่งศรัทธา องค์คเณชา มรรคา (มหาเทพ ผู้ปัดเป่าอุปสรรค นำทางสู่ความสำเร็จ) องค์ประติมากรรมหล่อด้วยเนื้อสำริดมีน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม

อีกทั้ง ได้จัดแสดงนิทรรศการภาพวาด "คเณชา เทวโลก" มีความยาวถึง 8 เมตร สูงกว่า 2.5 เมตร โดยประมาณ ซึ่งเป็นภาพวาดที่แสดงให้เห็นเทวโลกในอุดมคติ อุดมด้วยคติธรรม มีความงดงามชวนฝัน อีกทั้งยังสามารถมองเห็นวิวทะเลของหัวหิน เสมือนเป็นส่วนที่เชื่อมต่อออกมาจากภาพวาดอย่างลงตัว

หากเดินลงมาชั้นที่ 4 พบกับความสะดุดตาด้วยการตกแต่งเพิ่มอรรถรสในการชมภาพ โดยมีกลิ่นไอในสไตล์ Baroque แสดงถึงความหรูหราผสมผสานความทันสมัย บริเวณโถงกลางของชั้นจะจัดแสดงภาพวาด "พระพิฆเนศทรงบัลลังค์ช้าง เอราวัณ" เป็นภาพที่บ่งบอกถึงความทรงพลัง งามสง่าเป็นอย่างยิ่ง ส่วนด้านในจะจัดแสดงภาพวาดอื่นๆ ที่หาชมได้ยาก และสื่ออารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป มีทั้งภาพสีน้ำมัน อะคริลิก และเทคนิค Crayon ซึ่งถูกจัดวางอย่างลงตัว

ส่วนชั้นที่ 3 ของแกลเลอรี จะมีการจัดแสดงภาพ "เสวยสุขครองบัลลังค์" "เปิดเทวโลก" "ครองสามโลก" "ประตูสู่นิพพาน" และภาพ "ทรงพญาครุฑ หรือ "วิษณุรูปายะคณปติ" หมายถึงความยิ่งใหญ่ ทรงอำนาจเป็นปางที่หาดูยาก และมีภาพวาดจัดแสดงอีกหลากหลาย ชั้นที่ 2 เป็นส่วนของที่ระลึก อาทิ องค์ประติมากรรมจำลอง หล่อด้วยเนื้อสำริด รวมทั้งภาพพิมพ์ขนาดต่างๆ จากภาพที่จัดแสดง และอื่นๆ ให้ผู้ที่ศรัทธาหรือชื่นชอบได้ซื้อกลับไปกันด้วยครับ

 

คเณชา แกลเลอรี หัวหิน อีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจอย่างมาก มีผลงานที่นำมาแสดงกว่า 150 ภาพ แต่ละภาพเป็นปางหรืออิริยาบถที่แตกต่าง แต่กลับให้ความอิ่มใจ สงบ และผ่อนคลาย นับว่าเป็นศิลปะที่ทรงคุณค่า และงดงาม ผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ โดยเฉพาะผู้ที่มีความศรัทธาในองค์พระพิฆเนศ แล้วละก็ไม่ควรพลาดเด็ดขาด คเณชา แกลเลอรี หัวหิน เปิดบริการวันอังคาร - วันพฤหัสบดี เวลา11.00 - 20.00 น. วันศุกร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.00- 20.00 น. (หยุดทุกวันจันทร์) สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร.032 512 645 , 098 525 2564 Facebook: Khaneshagallery หรือที่ www.khaneshagallery.com ส่วนอัตราค่าเข้าชมสำหรับประชาชนชาวไทยราคา 150 บาท/ท่าน ชาวต่างชาติ 300 บาท/ท่าน สำหรับน้องๆ เด็กๆ ความสูงไม่เกิน 120 ซม. นักเรียน นักศึกษา ทั่วโลกเพียงแค่แสดงบัตรนักเรียน/นักศึกษา, บุคคลทุพพลภาพ เข้าชมฟรี

 

  

ไหว้หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก…วัดห้วยมงคล

วัดห้วยมงคล อีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียง ที่มีประชาชนให้ความศรัทธา และเดินไปสักการะกันอย่างไม่ขาดสาย ยังเป็ฯวัดที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก แต่เดิมมีชื่อว่า “วัดห้วยคต” ตั้งอยู่ ในชุมชนบ้านห้วยคต ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทาน นามใหม่จากห้วยคตเป็นห้วย“มงคล” ปัจจุบัน ใช้เป็นทั้งชื่อหมู่บ้าน วัด โรงเรียน และโครงการต่างๆ อีกมากมาย

หลังจากนั้น พระครูปภัสรวรพินิจ หรือพระอาจารย์ไพโรจน์ ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคลองค์ปัจจุบัน ถือเป็นพระนักพัฒนาที่มีศีลจารวัตที่ดีงาม และเป็นที่เคารพของคนในชุมชนบ้านห้วยมงคล และพลเอกวิเศษ คงอุทัยกุล รองสมุหราชองครักษ์ได้มีดำริที่จะสร้าง “หลวงพ่อทวด” องค์ใหญ่ที่สุดในโลกเพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวันมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และเพือ่เป็นการเผยแพร่ สืบทอดพระพุทธศาสนาอีกทั้งให้เป็นที่เคารพสักการบูชาและเป็นที่พึ่งทางใจของเหล่าพุทธศาสนิกชน สืบต่อไป

โดยเฉพาะเรื่องราวปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อทวดที่เล่าขานกันต่อๆ มา ทำให้พุทธศาสนิกชนในภาคใต้ให้ความเคารพเลื่อมใสมาเป็นเวลานาน ก่อเกิดการร่วมมือร่วมใจจากหลายองค์กรทั้งทางภาครัฐและเอกชนในการสร้างประติมากรรมองค์จำลองหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลก โดย สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร เททองหล่อองค์หลวงพ่อทวด เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2547 และพระราชทานพระราชานุญาตให้คณะกรรมการจัดสร้างอัญเชิญพระนามาภิไธยย่อ ส.ก. ขึ้นประดิษฐานที่หน้าองค์รูปหล่อองค์หลวงพ่อทวดโดยรูปหล่อ หลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่สุดในโลกมีขนาด หน้าตักกว้าง 9.9 เมตร สูง 11.5 เมตร บนฐานสูง 3 ชั้น ชั้นล่างกว้าง 70 เมตร ยาว 70 เมตร ภายใต้ฐานยังเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ไว้เพื่อปฏิบัติศาสนกิจในวันสำคัญทางศาสนาอีกด้วย

วัดห้วยมงคลแห่งนี้ ยังมีหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืดแกละสลักจากได้ตะเคียนทองขนาดใหญ่อายุราวกว่าพันปี ที่ฝังอยู่ในทรายใต้แม่น้ำยม จังหวัดแพร่ลึกกว่า 10 เมตร โดยชาวบ้านเชื่อกันว่าต้นไม้ที่มีแก่นสูง 1 คืบขึ้นไป จะมีรุกขเทวดาสถิตอยู่เพื่อดูแลปกป้องคุ้มครองคนที่มาสักการบูชา และเมื่อนำต้นตะเคียนทองมาทำรูปเคารพ เช่นแกะเป็นหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด เชื่อว่าจะมีอนุภาพและความศักดิ์สิทธิ์เป็นทวีสิทธิ์ ดลบันดาลให้ทุกท่านประสบแต่ความสุขความเจริญปราศจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง

สำหรับการเดินทางไปยัง วัดห้วยมงคล แห่งนี้ ขอแนะนำว่าควรเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว จากหัวหินใช้เส้นทางหนองพลับ-ป่าละอู (ทางหลวงหมายเลข 3218) ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ถึงตำบลทับใต้ เลี้ยวซ้ายที่สี่แยกหนองตะเภา แล้วเข้าไปตามทางจนถึงวัดห้วยมงคล โดยเปิดให้เข้าระหว่างเวลา 05.00 - 22.00 น.