Phang Nga พังงาเมืองสวยในหุบเขา

 

จังหวัดพังงา หนึ่งในอัญมณีแห่งแดนใต้ ที่ยังคงมนต์ขลังไม่เคยเสื่อมคลาย ความงามแห่งธรรมชาติสรรค์สร้างที่สวยงามไม่สร่างซา เมืองที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาเสมือนโอบกอดเมืองเล็กๆ ไว้ด้วยความอบอุ่นที่กรุ่นไปด้วยสายหมอกในยามเช้า หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีทะเลสวยงามไม่แพ้ที่ใด ทั้งหาดทรายขาว น้ำทะเลสีฟ้าครามที่ใสราวกระจก ความสวยงามของธรรมชาติที่ยังคงอุดมสมบูรณ์ของใต้ท้องทะเลดึงดูดคนทั่วมุมโลกให้มาสัมผัส ด้วยวิถีชีวิตของชาวพังงาที่ดำเนินอย่างเนิบช้ากลมกลืนไปกับวิถีธรรมชาติทำให้พังงาเป็นเมืองน่าอยู่เมืองแห่งความสุขอีกแห่งหนึ่งของไทย


การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานพังงา ขอนำท่านไปพบกับการเที่ยวพังงาในหลายรูปแบบอย่างครบรส พบกับความงามของแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ความงามแห่งผืนน้ำแห่งท้องทะเล การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในชุมชน และกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบกีฬายุคใหม่สุดฮิตนั่นคือ การเล่นเซิร์ฟที่เข้ามาสร้างสีสันให้การมาทะเลมีความสนุกสนานยิ่งขึ้น รวมถึงกิจกรรมดีที่จะทำให้เรารู้จักพังงาในหลากหลายมุมมากยิ่งขึ้น

 

Khaolak Surf Town เมืองแห่งการเล่นเซิร์ฟ

หากย้อนกลับไปประมาณ 5-6 ปี เมื่อเอ่ยถึง เขาหลัก จังหวัดพังงา อาจจะไม่เป็นที่รู้จักในหมู่คนไทยมากนักถ้าไม่ใช่นักท่องเที่ยวสายดำน้ำ และที่นี่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเป็นส่วนใหญ่แทบจะไม่มีคนไทยให้เห็นเลย แต่ในปัจจุบันคนไทยจะรู้จักภาพของเขาหลักในนาม Khaolak Surf Town เมืองของการเล่นเซิร์ฟ หลายคนอาจจะแปลกใจว่าทำไมจู่ๆ ที่นี่จึงกลายมาเป็นเมืองของคนที่รักการเล่นเซิร์ฟได้



การเล่นเซิร์ฟเริ่มเกิดขึ้นที่หาดประการัง หรือ Memories Beach และบริเวณใกล้เคียงมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยมีแต่คนพื้นที่เท่านั้นที่รู้จักกีฬาชนิดนี้ แต่กระแสที่ทำให้การโต้คลื่นเป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วงสองปีที่ผ่านมาคงจะมาจาก Bacardi Surf Camp 2018 ครั้งแรกของประเทศไทยที่ได้มีการจัดการสอนโต้คลื่นยาวนานถึงสามวัน และค่ายนี้ก็ได้มีการจัดต่อเนื่องมาอีกสองครั้งด้วยกัน หลังจากนั้นก็เขาหลักก็เริ่มเป็น destination ในการท่องเที่ยวของคนไทยมากขึ้น ทั้งกิจกรรมดำน้ำในช่วง High Season (เดือนพฤศจิกายน-เมษายน) และโต้คลื่นในช่วง Low Season (เดือนเมษายน-ตุลาคม)



ช่วงเวลาที่ทำให้เขาหลักได้ชื่อว่าเป็น Khaolak Surf Town เริ่มตั้งแต่ช่วงปลายมิถุนายน 2563 เพราะหลังจากสถานการณ์ COVID-19 รอบแรกผ่านไป การโต้คลื่นก็กลายเป็นอะไรที่ทุกคนจะต้องมาลอง และ Memories Beach ก็กลายเป็นจุดเช็คอินอันดับหนึ่ง หลังจากนั้นทะเลเขาหลักก็ไม่เคยเงียบเหงาอีกเลย จุดรอคลื่นในทะเลหรือที่ชาวเซิร์ฟเรียกกันว่า lineup เกิดการขยายตัว อย่างรวดเร็ว จากห้าคนเป็นสิบห้าคน…สามสิบคน และเคยแตะไปถึงร้อยคน ทั้งนักเรียน…beginner ไปจนถึง intermediate จากแค่ ร้านอาหาร Memories Beach Bar ขยายเป็น โรงเรียนสอนโต้คลื่น ถึงสามที่ จำนวนนักเรียนโต้คลื่นกว่าหมื่นคน กระดานโต้คลื่นที่ถูกขายไปกว่าพันตัว คงทำให้เราเห็นภาพว่า surf culture กำลังจะชัดเจนมากขึ้นในสังคมไทย

 


สถานที่ต่างๆ ภายในเมืองเขาหลักก็ได้ปรับเปลี่ยน concept ของการตกแต่งเป็น Surfing Vibes มากขึ้น แต่เสน่ห์ดั้งเดิมหลายๆ อย่างก็ยังคงอยู่ การใช้ชีวิตที่เรียบง่ายในเมืองทะเลแห่งนี้จึงกลายเป็นความใฝ่ฝันของ Thai Surfers เป็นที่เรียบร้อย บรรยากาศของหาดประการังที่เต็มไปด้วยนักโต้คลื่นในทะเล เหล่า beach boys บนหาด ที่ตั้งวาง surfboard กลายเป็นภาพที่ใครๆ ก็นึกถึงเมื่อพูดถึงเขาหลัก

 

 

เสม็ดนางชี จุดชมวิวอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา

เสม็ดนางชี จุดชมวิวที่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของ นักท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้สำหรับการมาเยือนจังหวัดพังงา แหล่งท่องเที่ยว Unseen จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของพังงา ภาพความงดงามของพระอาทิตย์ดวงกลมโตสาดแสงสีทองที่ค่อยๆ แทรกตัวขึ้นจากด้านหลังหุบเขา ณ อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา สะท้อนผืนแผ่นน้ำระยิบระยับน่าตื่นตาตื่นใจ ในบางวันจะเห็นหมอกลอยต่ำคลอเคลียกับภูเขาใหญ่น้อยคาดเป็นริ้วทางยาวราวกับภาพวาด เป็นภาพความประทับใจที่ไม่อาจจะรู้ลืม
ที่มาของชื่อ เสม็ดนางชี มาจากคำว่า “เหม็ด” ภาษาใต้มาจาก “เหม็ดผ้า” เหมือนกับยกผ้าขึ้น สมัยก่อนเล่ากันว่าคลองตรงนี้จะมีน้ำขึ้นลงบ่อยครั้ง เมื่อพระสงฆ์กับแม่ชีเดินผ่านต้องยกชายผ้าขึ้น ถ้าเดินโดยที่ไม่เหม็ดผ้า(ยกผ้า) ก็จะทำให้ผ้าเปียกเลยเรียกว่า “เสม็ดนางชี”

 

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ :
อบต.คลองเคียน โทร.076-451287
บ้านเสม็ดนางชี หมู่ 2 หินร่ม
ตำบลคลองเคียน อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา

 

เมืองเก่าตะกั่วป่า เมืองเล็กๆ แต่มีเสน่ห์

ถนนศรีตะกั่วป่า ถนนสายวัฒนธรรมเมืองเก่าตะกั่วป่า (TAKUAPA OLD TOWN Walking Street) ที่ในปัจจุบันยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวันวานในอดีต ย่านนี้เคยรุ่งเรืองและคึกคักจากการเข้ามาทำเหมืองแร่ดีบุกของชาวจีน บรรยากาศของตึกรามบ้านช่องสองข้างทางก่อสร้างสไตล์แบบโบราณ สีสันของถนนสายนี้คืออาหารถิ่น และขนมพื้นเมืองที่เคยถูกลืม ได้รับการฟื้นฟูกลับมาให้ลองลิ้มชิมรส แหล่งท่องเที่ยวแปดจุดต้องห้ามพลาด รถสองแถวไม้ท้องถิ่นที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ ของเมืองเก่าย่านตะกั่วป่า เช่น การร่วมกิจกรรม D.I.Y ขนมเต้าส้อขนมต้นตำรับที่ขึ้นชื่อของเมืองเก่าตะกั่วป่า และการแต่งกาย บาบ๋า ซึ่งถือเป็นวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวจีน-มลายูที่อพยพย้ายถิ่นฐานมาอาศัยอยู่ฝั่งอันดามัน และเป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นของจังหวัดพังงา แวะสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ อาทิเช่น ไหว้ศาลเจ้ากวนอูสะพานเหล็กบุญสูง...โรงเรียนเต้าหมิง...บ้านขุนอินท์-กำแพงค่าย...วัดเสนานุชรังสรรค์ กิจกรรมเหล่านี้ช่วยส่งเสริมให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเข้ามาสู่ชุมชนตะกั่วป่า

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ :

กองสวัสดิการ เทศบาลตะกั่วป่า โทร 076-421740
ถนนศรีตะกั่วป่า อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

 

ชุมชนบ้านโคกไคร เที่ยวสันนาคา ชมปูมดแดง เยือนถิ่นชุมชนคนโบราณ

บ้านโคกไคร มีประชากรกว่า 290 ครัวเรือน ส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม อาชีพหลักคือการทำประมงชายฝั่งพื้นบ้านและค้าขาย ชื่อบ้านโคกไครเป็นภาษาถิ่นใต้มาจากคำว่า โคกตะไคร้ โคกหมายถึงที่สูงเหนือน้ำ ส่วนตะไคร้คือ ตะไคร้กูดมีกลิ่นหอมคล้ายใบมะกูด มีมากในสมัยที่เริ่มก่อตั้งหมู่บ้าน กลุ่มท่องเที่ยวบ้านโคกไคร เป็นการรวมกลุ่มของสมาชิกในชุมชน เน้นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่เป็นที่รู้จักแต่มีความงดงามนับได้ว่าไม่แพ้แหล่งท่องเที่ยวที่อื่น ที่คุณจะได้สัมผัสธรรมชาติอย่างแท้จริง กับวิถีชีวิตของชาวประมง ป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์ ถ้ำงามตา ภูผาแปลก ถ้ำลอด ลากูน และเรียนรู้ชีวิตสัตว์น้ำ

แหล่งเรียนรู้และกิจกรรมของชุมชน เช่น หาดตั้งเลนหรือเขาตั้งเลน เป็นหาดทรายซึ่งจะพบได้เฉพาะตอนน้ำลดเท่านั้น เป็นบ้านของปูมดแดงนับแสนๆ ตัว ในหนึ่งเดือนจะพบเห็นปูมดแดงมาเดินบนหาดได้เพียงไม่กี่วัน ( พบได้ช่วง 6 ค่ำ, 7 ค่ำ, 12 ค่ำ, 13 ค่ำ, 14 ค่ำ และ 15 ค่ำ )...หาดทรายร้อนหรือที่ชาวบ้านเรียก หาดน้ำร้อน เกิดจากรอยแยกของเปลือกโลก พบตอนน้ำทะเลลดระดับบริเวณนี้จะกลายเป็นน้ำทะเลร้อน ทรายร้อน และโคลนร้อน (พบได้ช่วง 3ค่ำ, 4ค่ำ, 5ค่ำ, 6ค่ำ และ 7ค่ำ) ชาวบ้านเชื่อว่าสามารถรักษาโรคเหน็บชาและปวดเมื่อย หากมาตอนเช้าจะเห็นหมอกควันสีขาวลอยรอบบริเวณหาด...ล่องเรือสำรวจถ้ำงามตา ภูผาแปลก ชมป่าโกงกาง และเยือนลากูนที่เงียบสงบท่ามกลางธรรมชาติ เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ ถ้ำผีหัวโต ที่มีภาพเขียนอายุมากกว่าสามพันปีกว่าร้อยภาพซึ่งสามารถชมได้ตลอดทั้งปี และชมความมหัศจรรย์ของหินงอกหินย้อยแห่งถ้ำลอด...เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวอิสลามกับการทำอาชีพประมง การเลี้ยงปลาในกระชัง การงมหอยตลับ และการดักจับหอยนางรมขนาดเล็กที่ใช้ล้อรถเก่ามาเป็นกับดัก...ร่วมทำกิจกรรมกับชาวบ้านโดยการนั่งเรือคายัคศึกษาสมุนไพรใกล้ตัวและป่าชายเลน ทำกะปิ ทำอาหารท้องถิ่น และพักแบบกึ่งโฮมสเตย์บนกระชังเลี้ยงปลา


ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ :
คุณสมพร สาระการ โทร. 087-8860465 /
คุณนิกร (บังอิบ) สาระการ 089-2909265
บ้านโคกไคร ตำบลมะรุ่ย อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา 82180

ชุมชนบ้านท่าดินแดง สัมผัสวิถีชาวบ้าน แหล่งแร่โบราณ ตำนานเล่าเขาหน้ายักษ์

บ้านท่าดินแดง อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา พื้นที่ส่วนใหญ่ของหมู่บ้านเป็นพื้นที่ติดกับทะเล มีป่าชายเลน และป่าโกงกางอุดมสมบูรณ์ ซึ่งมีลักษณะพื้นที่เป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล เหมาะแก่การเที่ยวชมธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง เรื่องราวของเขาหน้ายักษ์มีผู้เล่าให้ฟังว่า เดิมหน้าเขาด้านที่หันหน้าออกไปทางหมู่เกาะสิมิลันจะมีหน้าผาที่มีรูปร่างเหมือนกับใบหน้าของยักษ์ที่มีอาการโกรธเกรี้ยว จนกระทั่งเมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง เรือรบของทหารญี่ปุ่นที่แล่นผ่านบริเวณนี้ได้เกิดล่มและจมลงโดยไม่ทราบสาเหตุหลายลำด้วยกัน ทหารญี่ปุ่นจึงเชื่อว่าน่าจะเกิดจากความอาถรรพ์ของหน้าผารูปร่างคล้ายหน้ายักษ์ เลยใช้ปืนใหญ่ยิงส่วนที่เป็นเหมือนหน้ายักษ์จนพังและจมลงบริเวณทะเลดังกล่าว จึงเป็นตำนานเล่าเขาหน้ายักษ์ มาจนถึงทุกวันนี้

แหล่งเรียนรู้และกิจกรรมภายในชุมชนบ้านท่าดินแดง เช่น แวะชมแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์มีหลากหลายชนิดด้วยกันทั้ง กวางตุ้ง คะน้า ผักกาดขาว ...ชมอนุสรณ์เหมืองแร่หมื่นล้าน ขุมน้ำยุคเฟื่องฟูของการทำเหมืองแร่ มีรางคอนกรีตคู่ทอดยาวราว 40 เมตร อายุกว่า 50 ปี สร้างขึ้นเพื่อการทำเหมืองแร่ดีบุกในอดีต...พายเรือคายัคชมป่าโกงกางท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบรูณ์...ดื่มด่ำกับบรรยากาศของชายหาด ท้องฟ้า ท้องทะเลท่ามกลางเขาหน้ายักษ์ ช่วงเวลาที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวคือเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนพฤษภาคม

ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ :
บังดีน 086-2730823 หรือ
คุณปฏิพัทธ์ (บังโหรน) 084-4433539
บ้านท่าดินแดง ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง
จังหวัดพังงา 82120

บ้านสามช่อง ท่ามกลางป่าโกงกาง มีความงดงามและวิถีชีวิตที่น่าอิจฉา

บ้านสามช่อง เป็นหมู่บ้านชาวประมง ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม มีเพียงไม่กี่หลังที่นับถือศาสนาพุทธ บ้านสามช่องเหนือ เดิมเรียกว่าทับเหนือ คำว่า “ทับ” หมายความว่า ที่อยู่อาศัยชั่วคราวของชาวประมง ต่อมาเมื่อปี 2457 ได้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านมาเป็น “บ้านสามช่องเหนือ” ตามที่มาของลำคลองสามสายที่ไหลผ่านเหนือหมู่บ้าน คือ คลองบางหลาม คลองเชียงใหม่ และคลองตาจอ ไหลมารวมกันเรียกว่า คลองสามช่อง ซึ่งเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านสามช่องใต้ หมู่บ้านที่แยกตัวออกมาจากบ้านสามช่องเหนือ วิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ ยังคงความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ส่วนใหญ่ยึดอาชีพประมงเป็นหลัก เป็นประมงขนาดเล็กที่เป็นการหาเลี้ยงชีพภายในครอบครัว หรือซื้อขายกันเองเท่านั้น รุ่งเช้าหัวหน้าครอบครัวจะพาเรือคู่ชีพออกจับสัตว์ในทะเล และกลับเข้าบ้านอีกทีในช่วงสาย หลังจากนั้นก็จะพักผ่อนเอาแรงกันตามอัธยาศัย ส่วนผู้หญิงไม่ทำกะปิก็ทำปลาแห้ง ใบจาก ตามแต่จะถนัดกันไป


แหล่งเรียนรู้และกิจกรรมภายในชุมชน เช่น เรียนรู้วิถีชีวิตแบบชาวบ้านด้วยการพักโฮมสเตย์ ทำกิจกรรมร่วมกับชาวบ้าน ไม่ว่าจะเป็นปลูกป่าชายเลน ทำกะปิ กรีดยาง หรือทำใบจาก ออกหาปลา หาหอยกับชาวบ้าน…นั่งเรือแคนูชมระบบนิเวศน์อุโมงค์ป่าโกงกาง…ชมการทำผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติ ทำสบู่สมุนไพรเหงือกปลาหมอ…ชมการเลี้ยงปลาเก๋า และปลากะพงขาวในกระชัง…ดูฟาร์มหอยนางรม เป็นฟาร์มหอยที่เกิดขึ้นโดยภูมิปัญญาชาวบ้านที่สามารถสร้างความโดดเด่นให้กับชุมชนได้มากเลยทีเดียว
ท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ด้วยการนั่งเรือชม เขาตะปู เขาพิงกัน ถ้ำเสากระโดง ถ้ำพญานาค ถ้ำลอด เขาเขียน ดื่มด่ำกับบรรยากาศยามเช้า ชมพระอาทิตย์ขึ้น และเรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านท่ามกลางขุนเขา ป่าโกงกาง และท้องทะเลที่บ้านสามช่องใต้ สามารถท่องเที่ยวตลอดทั้งปี


ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ :
ผู้ใหญ่สุรัตน์ สุมาลี (บังเหล้ม) 086-7417949
บ้านสามช่อง ตำบลกะไหล อำเภอตะกั่วทุ่ง
จังหวัดพังงา 82130

เกาะผ้า
มัลดีฟส์เมืองไทย

 

 

เดิมเกาะผ้าแห่งนี้เคยเป็นเกาะที่มีต้นไม้ใหญ่ มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปพักผ่อน ทำกิจกรรมต่างๆ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ สึนามิ เมื่อปี พ.ศ. 2547 ต้นไม้บนเกาะก็ถูกซัดโค่นหายแทบไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลยนอกจากชายหาดและน้ำทะเล จนเป็นที่มาของชื่อ เกาะผ้า เสมือนเกาะที่เกิดจากการทับถมของทรายจำนวนมาก ที่เรียกว่า Sandbank ด้วยทรายที่ขาวละเอียดในช่วงหน้าร้อน และ อยู่กลางทะเลอันดามันที่มีน้ำทะเลสวยใส จนได้รับฉายาว่า มัลดีฟส์เมืองไทย จุดเด่นอีกหนึ่งอย่างของเกาะผ้า นั่นคือ การเกิดปรากฏการณ์คล้ายทะเลแหวก ซึ่งจะปรากฏให้เห็นเมื่อน้ำทะเลต่ำจนสันทรายของเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมา นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือไปเที่ยวได้ หรือถ้าวันไหนที่น้ำลดระดับลงไม่สุดก็จะเห็นเป็นเกาะเล็กๆ สามเกาะ แต่ถ้าวันนั้นเป็นวันที่น้ำทะเลลดต่ำสุดก็จะกลายเป็นเกาะเดียวที่มีขนาดเกือบหนึ่งตารางกิโลเมตรสามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดูกาล

 

 

การเดินทางไปเกาะผ้า มีเรือให้บริการนำเที่ยวที่ท่าเรือบ้านน้ำเค็ม อำเภอตะกั่วป่า ใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือไปยังเกาะผ้าประมาณ 40 นาที โดยเรือโดยสารแบบเหมาลำราคา 2,000 บาท